ในยุคที่การท่องเที่ยวกลายเป็นส่วนสำคัญของไลฟ์สไตล์ผู้คนทั่วโลก เทรนด์ใหม่ ๆ ในการเดินทางก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักเดินทาง หนึ่งในเทรนด์ที่โดดเด่นที่สุดสำหรับปี 2025 คือ “Noctourism” หรือการท่องเที่ยวยามค่ำคืน
Noctourism คืออะไร?
Noctourism มาจากคำว่า Nocturnal ที่แปลว่า “เกี่ยวกับกลางคืน” และ Tourism ที่แปลว่า “การท่องเที่ยว” ผสมผสานกัน อธิบายถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวในยามค่ำคืน ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่เปิดช่วงกลางคืน ชมชายหาดเรืองแสง หรือชมแสงเหนือ Noctourism เป็นการท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครและอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายในช่วงเวลากลางวัน
เว็บไซต์ Booking.com ได้จัดอันดับให้ Noctourism เป็นหนึ่งในเทรนด์การท่องเที่ยวที่มาแรงในปี 2025 โดยให้คำอธิบายไว้ว่า เป็นความต้องการที่จะ “หลีกเลี่ยงความแออัดในช่วงกลางวัน เพื่อสัมผัสมนต์เสน่ห์ในยามค่ำคืน” จากผลสำรวจนักเดินทางทั่วโลกกว่า 27,000 คน พบว่าเกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามสนใจจุดหมายปลายทางที่มีท้องฟ้ามืด เหมาะสำหรับกิจกรรมในยามค่ำคืน เช่น การชมดวงดาว (72%) การชมปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต (59%) และการติดตามกลุ่มดาว (57%) 1
กิจกรรม Noctourism ที่แนะนำ
- Night Safaris: ชมสัตว์กลางคืนในถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ เช่น การดูเสือดาวในแอฟริกาใต้ หรือการชมสัตว์เล็ก ๆ ในป่าดิบชื้น
- Stargazing: ชมท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวในสถานที่ที่ห่างไกลจากแสงเมือง เช่น หอดูดาวหรือพื้นที่ชนบทที่มีทัศนียภาพชัดเจน
- Bioluminescent Tours: เพลิดเพลินกับความงดงามของแพลงก์ตอนเรืองแสงหรือเห็ดเรืองแสงในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ชายหาดเรืองแสงในเปอร์โตริโกหรือป่าในออสเตรเลีย
- Northern Lights: ชมแสงออโรร่าในประเทศต่าง ๆ เช่น ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ หรือฟินแลนด์ ที่ซึ่งท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกแต่งแต้มด้วยแสงสีเขียวและม่วง
- Night Museums: สำรวจพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงพิเศษในยามค่ำคืน เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส หรือพิพิธภัณฑ์ในโตเกียวที่มีการจัดนิทรรศการกลางคืน