ในดินแดนอันเงียบสงบของจังหวัดฟุกุชิมะ มีเมืองประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งที่ยังคงรักษาเสน่ห์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือเมืองไอสึ วากามัตสึ ที่นี่คือดินแดนแห่งซามูไรที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าประทับใจ
เมื่อย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ไอสึ วากามัตสึ เคยเป็นศูนย์กลางอำนาจสำคัญในยุคเอโดะ โดยอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลมัตสึไดระที่ปกครองพื้นที่นี้มายาวนานกว่า 230 ปี แต่ช่วงเวลาที่สร้างตำนานอันน่าจดจำที่สุดของเมืองนี้คือในช่วงสงครามโบชินปี 1868 เมื่อกองกำลังของไอสึที่นำโดยมัตสึไดระ คัตสึโมโตะ และเหล่าซามูไรผู้ภักดี รวมถึงกองทหารเด็กบูชิโด ไบกาคุ ได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของพวกเขาจากกองกำลังของรัฐบาลเมจิ แม้จะพ่ายแพ้ในที่สุด แต่ความกล้าหาญและความจงรักภักดีของนักรบไอสึก็ได้กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณซามูไรที่แท้จริง
- ปราสาทสึรุกะ สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ
ปราสาทสึรุกะ เป็นปราสาทเดียวในญี่ปุ่นที่ใช้หลังคากระเบื้องสีแดง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะเห็นต้นไม้ที่มีใบเขียวขจี ในฤดูใบไม้ร่วงจะได้สีสันของใบไม้เปลี่ยนสี และในฤดูหนาวจะได้ชมปราสาทที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ขาดไม่ได้หากมาเยือนจังหวัดฟุกุชิมะ
- ย้อนเวลาสู่ยุคซามูไรที่คฤหาสน์ไอสึบูเคยาชิกิ
คฤหาสน์ซามูไรไอสึบูเคยาชิกิ ศูนย์กลางของประวัติศาสตร์ไอสึ เป็นบ้านโบราณที่จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวน่าประทับใจของประวัติศาสตร์ไอสึ ในอดีตเคยเป็นบ้านของทาโนโมะ ไซโกะ อดีตซามูไรในยุคเอโดะ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น
- ชมเสน่ห์แห่งวันวานบนถนนนาโนะคะมาจิ
เดินเล่นบนถนนประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นเส้นทางการค้าสำคัญในอดีต ปัจจุบันยังคงมนต์เสน่ห์ผ่านอาคารอายุกว่าร้อยปีที่มีให้ชมตลอดเส้นทาง เพลิดเพลินกับการเดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศญี่ปุ่นในสมัยก่อน อีกทั้งยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของฝากเรียงรายตลอดทางนอกจากนี้ ในช่วงฤดูหนาว ที่เมืองแห่งนี้ยังมีการจัดเทศกาลเทียนประดับภาพวาดยูคิโฮตารุ ซึ่งเทียนไอสึ เป็นงานฝีมือที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของเมือง สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยฝีมือของช่างฝีมือ มีทั้งลายดอกเบญจมาศ ดอกโบตั๋น และดอกบ๊วย ในอดีตเป็นที่นิยมมากในสังคมซามูไรญี่ปุ่น โดยในปี 2568 เทศกาลจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 7 และวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ณ ปราสาทสึรุกะ และสวนสมุนไพรโอยะคุเอ็น