สำนักประชาสัมพันธ์อำเภอต้าซิน
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา จีนและเวียดนามได้ออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อประกาศการดำเนินการอย่างเป็นทางการของเขตความร่วมมือการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนจีน-เวียดนาม น้ำตกเต๋อเทียน-น้ำตกบ่านซก (China-Vietnam Detian-Ban Gioc Waterfall Cross-Border Tourism Cooperation Zone) และต่อมาในวันที่ 15 ตุลาคม รัฐบาลประชาชนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนและสภาประชาชนจังหวัดกาวบั่งของเวียดนามก็ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดการดำเนินการอย่างเป็นทางการของเขตความร่วมมือแห่งนี้
เขตความร่วมมือการท่องเที่ยวข้ามพรมแดนจีน-เวียดนาม น้ำตกเต๋อเทียน-น้ำตกบ่านซก เริ่มทดลองดำเนินการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 โดยในช่วงทดลองนั้น นักท่องเที่ยวจีนและเวียดนามสามารถข้ามพรมแดนไปเยือนอีกประเทศได้ภายใต้รูปแบบการจัดการที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งประกอบด้วยการจองกรุ๊ปทัวร์ การจำกัดเส้นทางท่องเที่ยว การจำกัดเวลาข้ามพรมแดน การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวข้ามพรมแดน และการเข้า-ออกประเทศในลักษณะของกรุ๊ปทัวร์เท่านั้น โดยนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เขตความร่วมมือดังกล่าวได้ต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ข้ามพรมแดนจีน-เวียดนามจำนวน 1,232 กลุ่ม รวมนักท่องเที่ยว 17,991 คน
หลังจากเขตความร่วมมือดังกล่าวเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักประชาสัมพันธ์อำเภอต้าซินจะเดินหน้าปรับปรุงรูปแบบการเดินทางข้ามพรมแดนให้ดียิ่งขึ้น
ประการแรกคือการเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยมีความตั้งใจว่าจะเพิ่มโควตารับนักท่องเที่ยวข้ามพรมแดนจาก 500 คนต่อวัน เป็น 1,000 คนจากแต่ละฝั่ง และจะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากจำนวนนักท่องเที่ยวข้ามพรมแดนต่อวัน
ประการที่สองคือการขยายเวลาให้บริการ โดยมีความตั้งใจว่าจะขยายเวลาทำการจาก 10.00-17.00 น. เป็น 09.00-18.00 น. (ตามเวลาปักกิ่ง) โดยกรุ๊ปทัวร์สามารถใช้เวลาในดินแดนของอีกประเทศได้สูงสุด 6 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่อนุญาตเพียง 5 ชั่วโมง
ประการที่สามคือการปรับปรุงขั้นตอนการเข้า-ออกจุดผ่านแดน เช่น การขออนุญาตผ่านแดนด้วย “การสแกนใบหน้า” เป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยการใช้มินิโปรแกรม Guijing Tongban ในแอป WeChat เพื่อยืนยันตัวตนและลงทะเบียนผ่านแดน นอกจากนั้นยังมี “จุดบริการเบ็ดเสร็จ” ที่รวบรวมบริการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบด้านการเข้า-ออกจุดผ่านแดน งานทะเบียนราษฎร์ และงานจราจร ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุและสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องขอเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม และสามารถเดินทางในเขตความร่วมมือดังกล่าวผ่านการจัดกรุ๊ปทัวร์ของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต
ประการที่สี่คือการลดความซับซ้อนของการสำแดงสิ่งของ โดยเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆ จะถูกนำมาใช้ในการตรวจสอบนักท่องเที่ยวและสัมภาระของนักท่องเที่ยว เพื่อลดความซับซ้อนของขั้นตอนในการสำแดงสิ่งของส่วนตัว เช่น กล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอที่นักท่องเที่ยวมักพกติดตัว ซึ่งจะเปิดประสบการณ์ใหม่ในการผ่านพิธีการศุลกากรแบบไร้การสัมผัส
ประการที่ห้าคือการเร่งกระบวนการตรวจสอบให้รวดเร็วขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่จองกรุ๊ปทัวร์เพื่อเดินทางเข้า-ออกประเทศจีน จะได้รับสิทธิตามนโยบาย “ยกเว้นสามประการ” (ยกเว้นการเก็บลายนิ้วมือ ยกเว้นการประทับตราที่จุดผ่านแดน และยกเว้นการกรอกใบตม.) เพื่อความสะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวจีนจะได้รับความสะดวกในการผ่านพิธีการศุลกากรแบบคู่ขนาน คือ ‘แบบทั่วไป + แบบด่วนพิเศษ’ และยกเว้นการประทับตราที่จุดผ่านแดน ซึ่งมาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพการให้บริการในระดับที่สูงขึ้น
ที่มา: สำนักประชาสัมพันธ์อำเภอต้าซิน