มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ต้อนรับศักราชใหม่ในปีพ.ศ. 2567 ด้วยการเปิดตัวเฟสที่สองของโครงการปรับโฉมรีสอร์ทด้วยเงินลงทุนมูลค่ามหาศาล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resort: IR) ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมมอบประสบการณ์เข้าพักอันน่าประทับใจให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและนักท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ ให้สามารถเติบโตต่อไปในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
การพัฒนาและปรับโฉมในเฟสที่สองนี้ ใช้เงินลงทุนในมูลค่าประมาณ 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงอาคาร 3 รวมไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม และ จุดชมวิว Sands SkyPark เพื่อยกระดับการต้อนรับผู้เข้าพักในรูปแบบใหม่ ด้วยบริการที่เหนือความคาดหมาย เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่มาเยือน มาพร้อมร้านอาหารระดับพรีเมียม ร้านค้าปลีกภายในพื้นที่รีสอร์ท รวมถึงการปรับโฉมล็อบบี้ และการนำเสนอกิจกรรมเพื่อพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness Experience) ให้กับแขกผู้เข้าพัก นอกจากนี้ในเฟสที่สอง ยังมีการเปิดตัวห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงดีไซน์มากกว่า 550 ห้อง ซึ่งรวมถึงห้องสวีทประมาณ 380 ห้อง โดยคาดว่าโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปีพ.ศ. 2568
การลงทุนเพื่อพัฒนาและปรับโฉมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระยะยาวหลายปี ที่มีเป้าหมายในการเสริมแกร่งให้กับมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ในฐานะรีสอร์ทแบบครบวงจร ให้สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของแวดวงการบริการต้อนรับผู้มาเยือนแบบเหนือระดับ (Luxury Hospitality Industry) การประกาศเรื่องการลงทุนในเฟสที่สองนี้ ออกมาในช่วงสุดท้ายของโครงการปรับปรุงรีสอร์ทมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเฟสแรก ซึ่งประกาศไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดยในเฟสแรกเน้นไปที่การปรับปรุงห้องพักทั้งหมดในอาคาร 1 และ 2 รวมถึงการเพิ่มร้านอาหารใหม่ ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเสริมสร้างบริการด้านไลฟ์สไตล์สุดหรูสำหรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มศักยภาพสูง
การลงทุนในเฟสที่สองนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ Las Vegas Sands ในฐานะเจ้าของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) ในการมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมการบริการต้อนรับผู้มาเยือนของสิงคโปร์เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และสนับสนุนผู้คนชาวสิงคโปร์ ด้วยการลงทุนทั้งหมด 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มารีน่า เบย์ แซนด์ส กำลังสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับธุรกิจรีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resort: IR) ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือระดับ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวระดับภูมิภาคที่ต้องการประสบการณ์การเดินทางที่ประทับใจไม่รู้ลืม
“เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับก้าวต่อไปของการพัฒนา มารีน่า เบย์ แซนด์ส ที่จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของสิงคโปร์ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำ โดยมารีน่า เบย์ แซนด์ส กำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวระดับหรูหราชั้นนำของโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา การลงทุนปรับปรุงเฟสที่สองนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะผลักดันแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ไปสู่อีกระดับของการให้บริการ และเสริมแกร่งให้กับรีสอร์ทแบบครบวงจรแห่งนี้เพื่อรองรับโอกาสในการเติบโตไปสู่อนาคต เราหวังว่าผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ใหม่ที่ มารีน่า เบย์ แซนด์ส โฉมใหม่มอบให้” Paul Town ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands’ Chief Operating Officer) กล่าว
ในเฟสแรกของการปรับปรุง มีการยกระดับห้องพักทั้งหมดประมาณ 1,280 ห้อง ในอาคาร 1 และ 2 โดยจำนวน 390 ห้องเป็นห้องสวีทแบบใหม่ ห้องพักเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองคอลเลกชันหลัก ได้แก่ The Paiza Collection และ The Sands Collection แต่ละคอลเลกชันมีประเภทห้องที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น Horizon Suite ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดเกี่ยวกับสปาและการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม ส่วน Family Suite เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก มีมุมครัวเล็ก ๆ และห้องสำหรับเด็กพร้อมเตียงสองชั้น ชั้นวางหนังสือพร้อมนิทาน และกระเป๋าผจญภัยที่คัดสรรมาเป็นพิเศษสำหรับเด็ก
ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ Paiza Sky Club จะเปิดให้บริการชั้น 55 ของอาคาร 2 ให้ผู้เยี่ยมชมได้พบกับห้องรับรองแห่งใหม่นี้ โดยมีหลายคอนเซ็ปต์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำชา บาร์วิสกี้พิเศษ ล็อกเกอร์เก็บสุราแบบส่วนตัว สวนเรือนกระจก และบุฟเฟ่ต์จากครัวแบบเปิดที่ปรุงโดยเชฟชั้นนำ เมื่อการปรับปรุงอาคารโรงแรมทั้งสามเสร็จสิ้น แขกผู้เข้าพักจะได้สัมผัสประสบการณ์จากห้องพักสุดหรูที่ได้รับการตกแต่งใหม่กว่า 1,850 ห้อง ซึ่งรวมถึงห้องสวีทแบบใหม่ประมาณ 770 ห้อง
ยกระดับมาตรฐานการบริการ
นอกเหนือจากการปรับปรุงโรงแรมทั้งสามอาคาร มารีน่า เบย์ แซนด์ส ยังลงทุนเพิ่มเติมอย่างจริงจังในด้านบุคลากร เพื่อยกระดับวัฒนธรรมการให้บริการอันยอดเยี่ยมของจุดหมายปลายทางแห่งนี้ สถานประกอบการท่องเที่ยวครบวงจรแห่งนี้มุ่งมั่นฝึกฝนพนักงานให้ก้าวข้ามขีดจำกัดในการสร้างประสบการณ์บริการที่ดีเยี่ยมเหนือความคาดหมาย พนักงานต้อนรับและเหล่าบัทเลอร์ได้รับการฝึกอบรมโดยเฉพาะที่โรงเรียนบัทเลอร์ ภายในมารีน่า เบย์ แซนด์ส
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนตุลาคมพ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา พนักงานต้อนรับในโรงแรมและร้านอาหารก็เข้าร่วมฝึกอบรมตามมาตรฐาน Forbes Travel Guide Five Star ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทีมงานผู้ให้บริการระดับพรีเมียม (Premium Services Team) ยังเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการจากล็อบบี้โรงแรมไปจนถึงสนามบิน เพื่อสร้างประสบการณ์การต้อนรับผู้มาเยือนด้วยบริการแบบไร้รอยต่อตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึง จนกระทั่งเดินทางกลับ
พร้อมกันนั้น ยังมีการออกแบบชุดพนักงานใหม่ให้ดูหรูหรา สะท้อนภาพลักษณ์ระดับลักซูรีของสถานที่แห่งนี้ และเพื่อตอบรับการเติบโตของเทรนด์สุขภาพและการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness Experience) มารีนา เบย์ แซนด์ส เตรียมเปิดตัวกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่าง ๆ บน SkyPark Observation Deck และ Infinity Pool ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนำเสนอทั้ง คลาสมวยไทย คลาสปั่นจักรยาน ทำสมาธิด้วยเสียงบำบัด และอีกมากมาย ซึ่งบริการเหล่านี้เปิดต้อนรับทั้งแขกที่มาพักและบุคคลทั่วไป
The Paiza Collection
The Paiza Collection นำเสนอห้องสวีทสไตล์เรสซิเดนซ์สุดหรูหราระดับอัลตรา ลักชูรี บนชั้นสูงสุดของโรงแรม สงวนไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติของ Marina Bay Sands เท่านั้น ประสบการณ์ที่จะได้รับมีตั้งแต่การต้อนรับแบบส่วนตัวระดับ VIP ลิฟท์เฉพาะ บริการบัตเลอร์ และสิทธิ์พิเศษในการเข้าใช้ Paiza Sky Club ในคอลเลกชันประกอบด้วยห้องสวีทระดับอัลตรา ลักชูรี พร้อมทัศนียภาพเหนือระดับจากชั้น 50 ถึง 54 ในอาคาร 1 และ 2 โดย The Paiza Royal Collection เป็นที่ตั้งของ Chairman Suite, Presidential Suite, Horizon Suite และ Marina Suite
วิถีแห่งการพัฒนาสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness) เป็นหัวใจสำคัญและธีมหลักของห้อง Horizon Suite ขนาดหนึ่งห้องนอน ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นเหมือนโอเอซิสส่วนตัวใจกลางเมืองสำหรับผู้เข้าพัก มาพร้อมห้องทรีทเมนต์พร้อมโต๊ะสำหรับนวด ซาวน่าแห้ง อ่างน้ำแข็ง ฝักบัวร้อนแบบฮัมมัมหรือห้องอาบน้ำสไตล์ตุรกี และห้องอบไอน้ำ โซนสปาของห้องชุดนี้ มุ่งเน้นการฟื้นฟูร่างกายอย่างล้ำลึกด้วยผนังเกลือหิมาลายัน เก้าอี้เซรามิคอุ่น และยิมส่วนตัว
กีฬาก็เป็นอีกธีมที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้อง Presidential Suite ขนาดสองห้องนอน พร้อมเครื่องจำลองการเล่นกอล์ฟ ผู้เข้าพักสามารถเลือกเล่นสนามกอล์ฟระดับโลก เช่น St Andrews Links, Pebble Beach และ Torrey Pines Golf Course และฝึกซ้อมวงสวิงได้อย่างสะดวกสบายภายในห้องพัก ทั้งห้องชุด Horizon Suite และ Presidential Suite มีขนาดประมาณ 330 ตารางเมตร (3,552 ตารางฟุต)
ห้อง Chairman Suite มีพื้นที่กว้างขวางถึง 600 ตารางเมตร (6,458 ตารางฟุต) มีทั้งแบบขนาด 3 ห้องนอน และ 4 ห้องนอน รองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 8 ท่าน และ 12 ท่าน ตามลำดับ จุดเด่นของห้องพักนี้ ได้แก่ ห้องนั่งเล่น 2 ห้อง ครัวโชว์พร้อมอุปกรณ์ครบครัน ห้องนวด ห้องออกกำลังกายที่ทันสมัย และห้องความบันเทิงพร้อมจอโทรทัศน์ Samsung ‘The Wall All-in-One’ ขนาด 146 นิ้ว แบบเต็มผนัง พร้อมระบบคาราโอเกะ และเก้าอี้นวดไฟฟ้า