หน้าร้อนปีนี้ ซีไลฟ์ แบงคอก (SEA LIFE Bangkok) ขอเชิญชวนทุกท่านออกผจญภัย “สำรวจความมหัศจรรย์สุดมันส์กับป่า Rainforest” ซึ่งทางซีไลฟ์ แบงคอกได้ปรับโฉมพื้นที่ภายใต้บรรยากาศป่าดิบชื้น ออกเป็น 4 โซนย่อย ที่มีโครงสร้างป่าอันสลับซับซ้อนด้วยพันธุ์ไม้น้ำและกลิ่นไอที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในป่าลึก ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตนานาพันธุ์ นำทัพด้วยสัตว์แปลกหน้าใหม่กว่า 9 ชนิด อาทิ กิ้งก่าชายน้ำ (Sailfin Dragon) ,มดตะขอเบ็ด (Fish Hook Ant) เสริมทัพด้วยกิจกรรมใหม่ล่าสุด “Keeper’s Talk…เรื่องเล่าจากคนดูแลสัตว์” เปิดโอกาสให้ชมความน่ารักของสัตว์เลื้อยคลานหลากหลายชนิดแบบไม่มีกระจกกั้น พร้อมความรู้ประกอบจากผู้เชี่ยวชาญที่ดูแลสัตว์ทุกวัน รับประกันประสบการณ์แปลกใหม่ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว วัยรุ่นหรือจะเป็นเหล่าคนรักสัตว์ ก็จะสนุกกับโฉมใหม่ของโซน Rainforest แห่งนี้แน่นอน!
“ซีไลฟ์ฯ ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศที่หลากหลาย เพื่อปลูกฝังความรู้และความเข้าใจให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนผ่านการเดินทางแสนสนุกเมื่อเข้ามาที่ซีไลฟ์ แบงคอก โดยเรามุ่งเน้นที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความสนใจของกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย จึงได้ปรับโฉมโซน Rainforest ใหม่เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของสถานที่แห่งการเรียนรู้ กับการ”สำรวจความมหัศจรรย์สุดมันส์กับป่า Rainforest” ซึ่งป่าดิบชื้นมีระบบนิเวศที่มีความซับซ้อน และมีความน่าสนใจสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว ที่สามารถพานักสำรวจตัวน้อยในช่วงปิดเทอมมาสัมผัสกับความตื่นเต้นกับการบรรยากาศป่าดิบชื้นจำลอง, กลุ่มวัยรุ่นก็จะต้องชื่นชอบกับจุดถ่ายรูปใหม่ๆ ที่เราปรับโฉมยกป่าดิบชื้นมาไว้กลางเมือง หรือจะเป็นกลุ่มคนที่สนใจในสัตว์แปลก หายากอย่าง กิ้งก่าชายน้ำที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือแมงมุมนกยูงสีสันสดใส และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาความเป็นอยู่ของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้ง และตระหนักถึงความสำคัญของป่า” อเล็กซ์ วอร์ด (Alex Ward) ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจกรุงเทพฯ แบรนด์ซีไลฟ์ แบงคอก กล่าวถึงที่มาของกิจกรรม
ป่าดิบชื้น หรือ Rainforest เป็นป่าที่มีสีเขียวตลอดทั้งปีเพราะต้นไม้จะไม่ผลัดใบเพื่อลดการคายน้ำ เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก และยังเป็นบ้านหลังใหญ่ของพันธุ์ไม้และสัตว์กว่าพันชนิด ที่มีการปรับตัวโดยมีการจำแนกที่อยู่อาศัยตามระดับชั้นความสูงของพื้นที่ป่า เพื่อให้สามารถอยู่รอดในสภาพอากาศที่มีความพิเศษของป่าดิบชื้นได้ โดยในโซนนี้ ซีไลฟ์ฯ ก็ได้แรงบันดาลใจดังกล่าวมาแบ่งพื้นที่กิจกรรมเป็น 4 ส่วนย่อย เริ่มตั้งแต่ ยอดไม้ ไล่ไปจนถึงใต้ผืนน้ำ ซึ่งแต่ละระดับก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป
เริ่มต้นกันที่โซนแรก “Tree Top (ทรี ท็อป)” ที่ได้จำลองชั้นเรือนยอดไม้ (Canopy) ระดับชั้นที่สูงสุด ที่มียอดไม้ขึ้นสูงแข่งกันรับแสงอาทิตย์จากด้านบนอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นจุดเด่นของป่าดิบชื้น เมื่อเข้าสู่โซนนี้ทุกคนจะสัมผัสถึงหมอกและไอน้ำ ซึ่งเป็นสภาพอากาศที่ต้นไม้ชั้นเรือนยอดจะต้องเผชิญ โดยในโซนนี้ทุกคนจะได้พบกับสัตว์บนต้นไม้อย่าง
- มดตะขอเบ็ด (Fish Hook Ant) มดพันธุ์หายาก มักอาศัยอยู่บริเวณต้นไม้แห้งๆ มีจุดเด่นคือตะขอ 2 คู่ โผล่ข้างหลัง ที่เอาไว้จับและตัดเหยื่อ รวมถึงปกป้องตัวอีกด้วย
- ตะกวดต้นไม้ (Tree Monitor) ตะกวดต้นไม้มีทั้งสีเขียวสดใส และสีออกเหลือบน้ำเงิน และดำ ลำตัวแบนยาว เพศผู้จะมีหงอนเพื่อใช้ดึงดูดตัวเมีย
- กบลูกศรพิษสีส้ม (Orange Dart Frog) และ กบลูกศรพิษสีทอง (Golden Dart Frog) กบมีพิษตัวเล็ก สีสันฉูดฉาด แต่มีพิษร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตเพียงแค่สัมผัสโดน โดยเฉพาะกบลูกศรพิษสีทองที่ถูกจัดให้เป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
โซนที่สอง อย่าง “Cave หรือ ถ้ำ” จำลองลักษณะหินงอกหินย้อยที่เกิดจากลักษณะป่าดิบชื้น แหล่งหลบภัยและที่พักอาศัยของแมลงแปลกๆ มากมาย อย่าง
- แมลงสาบมาดากัสการ์ (Hissing Cockroach) สัตว์พันธุ์ใหม่ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักแมลง แมลงสาบมาดากัสการ์มีขนาดใหญ่กว่าแมลงสาบอื่นๆ ไม่สามารถบินได้ เป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้า ไม่มีพิษ ส่งเสียงคล้ายงูขู่ในระหว่างผสมพันธุ์ และเพื่อสื่อสารเตือนภัยกับพวกพ้อง
- แมงป่องช้าง (Asian Forest Scorpion) มีขนาดใหญ่ถึง 10-12 เซนติเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแมงป่องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีนิสัยก้าวร้าว ชอบอาศัยในที่มืด ความพิเศษคือเมื่อส่องแสงอุลตราไวโอเล็ตเปลือกสีดำของมันเรืองแสงสีเขียวออกมา
- แมงมุมนกยูง (Peacock Tarantula) แมงมุมขนาดจิ๋ว ตัวผู้จะมีลำตัวสี ฟ้า เหลือง แดง ดำ ขาว เขียว สดใส สามารถแพนหางที่ก้นออกมาคล้ายกับหางนกยูงเพื่อชูและโบกไปดึงดูดตัวเมีย แมงมุมพันธุ์นี้ถือเป็นยอดนักเต้นที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย
ไต่ระดับความสูงลงมาที่ โซนที่สาม อย่าง “Tree Trunk” (ทรี ทรังค์) หรือชั้นใต้เรือนยอด (Understory) ซึ่งอยู่ในระดับกลางของป่า นำเสนอระบบนิเวศสิ่งมีชีวิตในช่วงกลางลำต้นและกิ่งไม้ ที่ได้รับแสงแดดเล็กน้อย ซึ่งเป็นชั้นที่เหมาะสำหรับการซ่อนตัวของสัตว์ตัวเล็กๆ ในป่า ในโซนนี้ทุกคนจะได้พบกับไฮไลต์เด็ด อย่าง
- กิ้งก่าชายน้ำ (Sailfin Dragon) หนึ่งในกิ่งก่าพันธุ์หายาก ที่มีสีสันสวยงามจึงมักถูกมนุษย์ล่าเป็นประจำ ชอบอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำเป็นพิเศษ
- เต่าเสือดาว (Leopard Tortoise) เต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีจุดเด่นเป็นกระดองที่มีลายจุดสีดำคล้ายเสือดาว
และสุดท้ายแต่สำคัญไม่แพ้ใคร ก็คือ โซนที่สี่ “Ground Level (กราวด์ เลเวล)” หรือชั้นพื้นป่า (Forest Floor) ซึ่งอยู่ด้านล่างสุด รวมไปถึงแหล่งน้ำต่างๆ นี่จึงเป็นพื้นที่ในการอนุบาลต้นไม้ที่เพิ่งเกิด ในโซนนี้ทุกคนจะได้พบกับ Living Wall กำแพงต้นไม้ที่จะนำเสนอพันธุ์ไม้ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ในโซนนี้มีตัวเอก อย่าง งูเหลือม (Reticulated Python) ที่นำมาจัดแสดงให้ทุกคนได้ชมและศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมลูกเล่นอินเตอร์แอคทีฟอย่าง Laser Eyes จออินฟาเรดจำลองภาพจากสายตางูที่สามารถจับรังสีความร้อนที่แผ่ออกมาจากวัตถุได้ เพื่อให้สามารถมองเห็นเหยื่อที่แอบซ่อนตามพุ่มไม้ตอนกลางคืนได้ดี
ทั้งหมดนี้คือโซนกิจกรรมใหม่ล่าสุดที่ซีไลฟ์ แบงคอกตั้งใจมอบให้กับผู้ชมในทุกกลุ่ม ร่วมสัมผัสโฉมใหม่กับ “สำรวจความมหัศจรรย์สุดมันส์กับป่า Rainforest” ได้แล้ววันนี้ พร้อมกิจกรรม “Keeper’s Talk…เรื่องเล่าจากคนดูแลสัตว์” เปิดโอกาสการชมความน่ารักของสัตว์เลื้อยคลานหลากหลายชนิด แบบไม่มีกระจกกั้น พร้อมความรู้ประกอบจากผู้เชี่ยวชาญนักดูแลสัตว์ ทั้งหมด 3 รอบต่อวัน เวลา 12:15 | 14:15 | 16:15 น. ที่ซีไลฟ์ แบงคอก สยาม พารากอน ชั้นบี 1-2 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00-20:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 19:00 น.) ซื้อบัตรเข้าชมล่วงหน้าทางเว็บไซต์ https://www.visitsealife.com/bangkok/
ที่มา: เอ็มเอสแอลกรุ๊ป