ยกให้เป็นหนึ่งในมหาปรากฏการณ์งานที่บอกเล่าสิ่งสำคัญได้ครบ จบ ในกระทงอันสวยงาม สำหรับการจัดงาน “ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER of ETERNAL PROSPERITY ลอยกระทงบนสายน้ำแห่งความเจริญรุ่งเรือง”โดยเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี พ.ศ. 2565 หรือ เอเปค ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตั้งอยู่ ณ โค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ ได้ร่วมต้อนรับสมาชิกเขตเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก เนรมิตกระทงสานสัมพันธ์สมาชิกเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไทย สหรัฐอเมริกา ร่วมด้วยสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส,สถานเอกอัครราชทูตโปรตุเกส,สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งหมด 21 กระทง เพื่อเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่มีกันมาอย่างยาวนาน และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไร้พรมแดม ผ่านการประดิษฐ์กระทงสุดประณีตและวิจิตรงดงาม โดยได้นำแลนมาร์กอันโดดเด่นและประวัติศาสตร์ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านกระทง โดยความอลังการของ 21 กระทงนี้ สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด Eco รักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชมความงดงามของงานฝีมือ พร้อมเสริมความรู้อีกด้วยได้ตั้งแต่วันนี้ – 22 พฤศจิกายน ณ ICONLUXE ชั้น M ไอคอนสยาม
เริ่มที่ความงดงามของกระทงจาก “แคนนาดา” ประดับด้วยเรือแคนู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างคนแคนาดาและน้ำ คล้ายกับกระทงสำหรับคนไทย ประดับด้วยใบเมเปิลซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติของแคนาดา เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ทนทาน เนื่องจากต้นเมเปิลสามารถทนกับสภาพอากาศได้ดี และช่วงฤดูใบไม้ร่วงยังเป็นช่วงที่นิยมมาเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
เมื่อเห็น “แพนด้า” ทราบได้ดีว่าเป็นกระทงจาก “จีน” ซึ่งแพนด้าถูกยกให้เป็นสมบัติของชาติ ถือเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพและแสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของมนุษย์และธรรมชาติ แพนด้านับว่าเป็นสัญลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและมิตรภาพระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ นอกจากกระทงจะโดดเด่นด้วยแพนด้า บริเวณรอบข้างประดับด้วยไม้ไผ่ที่เป็นอาหารสุดโปรดของแพนด้าอีกด้วย
ส่วนพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดใน “ฝรั่งเศส” ได้รับการจำลองมาประดับบนกระทงในโอกาสนี้เพื่อให้สมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะแขนงต่างๆ โดยพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ถูกออกแบบให้เป็นพีระมิดแก้วมีความร่วมสมัย เป็นอีกแลนด์มาร์คสำคัญของปารีส รอบกระทงประดับด้วยผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่มีอยู่ในฝรั่งเศส อาทิ ภาพโมนาลิซ่าและรูปปั้นวีนัสเดอไมโล เพื่อสื่อถึงความยั่งยืนทางวัฒนธรรมของประเทศ และเป็นเมืองที่พบผลงานชิ้นเอกที่มีชื่อเสียงที่สุด
สำหรับ “อินโดนีเซีย” บริเวณด้านบนของกระทงได้จำลองเรือ Phinisi ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์การเดินเรืออันยิ่งใหญ่ โดยเป็นการสานกระทงจากไม้ไผ่ที่มีความประณีต ละเอียด และมีการแกะสลักไม้เป็นลายเกลียวคลื่นทะเลรองฐานเรือเปรียบเสมือนเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดับด้วยผ้าบาติกที่เป็นเอกลักษณ์ของอินโดนีเซียด้วยลวดลายปะการังที่อยู่ใต้ท้องทะเล สะท้อนถึงอินโดนีเซียได้อย่างชัดเจน
ด้าน “ญี่ปุ่น” เนื่องในโอกาสครบรอบ 135 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทย-ญี่ปุ่น จึงได้ออกแบบด้วยเลข 135 ซึ่งถือโดยตัวละคร “ชิบาราคุ” จากศิลปะการแสดงละครดั้งเดิมของญี่ปุ่น “คาบูกิ” พร้อมด้วย “พระราม” จากศิลปะการแสดง “โขน” อันถือเป็นศิลปะอันทรงคุณค่าของแต่ละประเทศ ซึ่งทั้งศิลปะการแสดงคาบูกิและโขนต่างได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลก
กระทงของ “เม็กซิโก” เป็นการบอกเล่าความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมายาวนาน สะดุดตาด้วย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง “พีระมิดชิเชนอิตซา (Chichen Itza)” โบราณสถานสำคัญที่แสดงถึงอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวมายา สร้างขึ้นในสมัยอารยธรรมมายัน หรือระหว่างศตวรรษที่ 10 – 15 ปัจจุบันตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือคาบสมุทรยูคาตัน ทางตอนกลางของเม็กซิโก ในส่วนของฐานกระทงตกแต่งด้วย “Papel picado” ซึ่งเป็นงานฝีมือตกแต่งแบบดั้งเดิมของชาวเม็กซิกันโดยการตัดการออกแบบที่ประณีตลงในแผ่นกระดาษหลากสีสัน นอกจากนี้ยังมีพืชผลทางการเกษตรสำคัญ อาทิ มะละกอ มะเขือเทศ ผลวนิลา และต้นพอยน์เซตเทีย ที่มีใบสีแดงซึ่งถูกค้นพบในแทบประเทศเม็กซิโกและนิยมประดับในเทศกาลคริสมาสต์
ส่วนกระทงจาก “เปรู” สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ทางด้านการเกษตรซึ่งเป็นภาคการผลิตที่สำคัญของประเทศ มีสีสันที่ลงตัวอย่างยิ่ง โดยฐานกระทงโดดเด่นด้วยบลูเบอร์รีและอะโวคาโด ผลไม้ซุปเปอร์ฟู้ด 2 ชนิดที่เปรูเป็นหนึ่งในผู้นำในการส่งออกของโลก พร้อมด้วยดอกกานตูตา (Cantuta) ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินคาและเป็นดอกไม้ประจำชาติ บนยอดกระทงมีหญิงชาวเปรูและลูกน้อยที่เป็นตัวแทนที่เป็นตัวแทนของครอบครัวเกษตรกรที่ขยันขันแข็ง พร้อมด้วยตะกร้าที่บรรจุควินัว สุดยอดซุปเปอร์ฟู้ดอีกชนิดที่เปรูส่งออก และบิกุญญาสัตว์ตระกูลอูฐ ซึ่งเป็นสัตว์ประจำประเทศและมีภาพปรากฏบนตราแผ่นดิน
ยานอวกาศ “โซยุซ” ถูกจำลองมาประดับบนกระทงของ “รัสเซีย” กลมกลืนด้วยเรือตัดน้ำแข็ง “50 Let Pobedy” ที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์เพียงเครื่องเดียวของโลกที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอันโดดเด่นของรัสเซียในการต่อเรือและการเดินเรือทางทะเล โดยบริเวณลำเรือประดับด้วยโลโก้ครบรอบ 125 ปี ของความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่าง รัสเซียและไทยเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลลอยกระทงในปี 2565 นี้พร้อมทั้งมีข้าวสาลี ปลาสเตอร์เจียนต้นกำเนิดไข่ปลาคาเวียร์ตกแต่งด้านหน้ากระทงเพื่อแสดงถึงทรัพยากรธรรมชาติของรัสเซียที่อุดมสมบูรณ์
สำหรับกระทงของ “สิงคโปร์” มีทั้งสิ้น 3 ชั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอดีตและปัจจุบัน แสดงให้เห็นพัฒนาการในตลอดหลายปีที่ผ่านมาของสิงคโปร์ ด้านบนสุดมี “เมอร์ไลออน (Merlion)” หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดของประเทศ ชั้นถัดลงมาเป็นแบบจำลองสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่โดดเด่น ทั้ง มารีนา เบย์ แซนส์ , พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ , ชิงช้าสวรรค์สิงคโปร์ฟลายเออร์ และต้นซูเปอร์ทรี ณ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ และชั้นล่างสุดเป็นแบบจำลองสัญลักษณ์อันโดดเด่นจากประวัติศาสตร์ของประเทศ อาทิ แบบจำลอง Samsui women สตรีสวมหมวกสีแดง ,รถสามล้อถีบ และสุดท้าย เรือสำปั้น เรือไม้ขนาดเล็กสำหรับการคมนาคมและการประมงในอดีต
ความสวยงามของ “สวิสเซอร์แลนด์” ได้รับการย่อส่วนจำลองมาประดับบนกระทงสวยงามด้วยเทือกเขา ทะเลสาป ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสวิสเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังมีทุ่งหญ้าเขียวขจีและวัวลิลลี่แสนสุขประดับอย่างกลมกลืนกับรถไฟ Glacier Express และเรือ Zenna จำลองซึ่งเป็นเรือหางยางไฟฟ้าขับพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งในไทยก็ได้มีการปรับใช้เรือหางยาวไฟฟ้าในการนำชมแหล่งท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน
และกระทงจาก “สหรัฐอเมริกา” โดดเด่นด้วยสถานที่สำคัญอย่าง “สะพานโกลเดนเกต” แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียมาตกแต่ง สะพานแขวนที่ยาว 2,737 เมตรนี้ เป็นงานออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากสไตล์ Art Deco และเป็นสีส้ม International Orange ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสีพิเศษที่เลือกมาใช้เพื่อตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลและท้องฟ้าที่ล้อมรอบตัวสะพาน ชื่อของสะพานโกลเดนเกตมาจากคำอธิบายของนาวาเอกแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ท่านหนึ่งที่พรรณนาถึงอ่าวซานฟรานซิสโกว่าเป็น “ประตูสีทองสู่การค้าขายกับทางตะวันออก”
สำหรับประเทศไทย นำอีกหนึ่งแลนด์มาร์กอันโดดเด่น อย่างวัดภูเขาทองมานำเสนอ สำหรับพระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง เป็นเจดีย์ของวัดสระเกศหรือวัดภูเขาทอง ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จากกรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย สร้างเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คอันโดดเด่นของกรุงเทพมหานครที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดี งานภูเขาทองและลอยกระทงมีความเก่าแก่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลประเพณีที่พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวต่างตั้งตารอคอยในช่วงเดือนพฤศจิกายน
โดยการจัดงานครั้งนี้ ไอคอนสยาม คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ กระทงที่ใช้ภายในงานทำจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ ขอเชิญชมความวิจิตรตระการตาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่งานศิลปะผ่านกระทง เปิดให้คนไทยและชาวต่างชาติได้ร่วมชมความงาม ได้ตั้งแต่วันนี้ – 22 พฤศจิกายน ณ ICONLUXE ชั้น M ไอคอนสยาม
สำหรับผู้ร่วมงานสามารถเดินทางมาไอคอนสยามได้ครอบคลุมทุกเส้นทางการคมนาคมทั้งรถยนต์ รถประจำทาง เรือโดยสาร และรถไฟฟ้าสายสีลมลงสถานีกรุงธนบุรี พร้อมเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีทองลงสถานี G2 เจริญนคร ถึงไอคอนสยามได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ที่มา: โพลีพลัส พีอาร์