ซาอุดีอาระเบียเปิดให้ผู้ถือวีซ่าสหรัฐ สหราชอาณาจักร และเชงเกน ขอ Visa on Arrival เข้าประเทศได้

  • กลับมาเปิดประเทศสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาด
  • เปิดให้ขอ Visa on Arrival ได้ สำหรับพลเมืองประเทศที่มีสิทธิถือวีซ่าออนไลน์
  • ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจแบบพีซีอาร์
  • ยกเลิกข้อกำหนดในการกักตัว

รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกลับมาเปิดให้ขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ได้อีกครั้ง สำหรับผู้ถือวีซ่าสหรัฐ สหราชอาณาจักร และเชงเกนที่ยังไม่หมดอายุ โดยมีผลทันที ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียเพิ่งยกเลิกข้อกำหนดในการเข้าประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อให้ซาอุดีอาระเบียกลับมาเปิดประเทศในระดับเดียวกับก่อนที่เกิดการแพร่ระบาด

พลเมืองประเทศใดก็ได้ที่ถือวีซ่าหนึ่งในสามของที่กล่าวไว้ข้างต้น และเดินทางบนเที่ยวบินใดก็ได้ของสายการบินแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ สายการบินซาอุดิ (Saudi), ฟลายนาส (Flynas) หรือฟลายอะดีล (Flyadeal) จะมีสิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อใช้เป็นวีซ่าท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียได้ 12 เดือน ไม่จำเป็นต้องสมัครล่วงหน้า

นักท่องเที่ยวที่ถือวีซ่าสหรัฐ สหราชอาณาจักร และเชงเกนที่ยังไม่หมดอายุ จำเป็นต้องใช้วีซ่าที่มีอย่างน้อยหนึ่งครั้งเพื่อเข้าประเทศหรือดินแดนที่ออกวีซ่าดังกล่าว ถึงจะมีสิทธิขอ Visa on Arrival เข้าซาอุดีอาระเบียได้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังจำเป็นต้องซื้อประกันโควิด-19 ซึ่งซื้อได้ที่สนามบินนานาชาติแห่งใดก็ได้ของซาอุดีอาระเบีย

พลเมืองประเทศใดก็ได้ที่มีสิทธิตามโครงการขอวีซ่าออนไลน์ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2562 ก็มีสิทธิขอ Visa on Arrival ไม่ว่าจะเดินทางมากับสายการบินใด

“การกลับมาเปิดโครงการ Visa on Arrival อีกครั้ง นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในการเปิดประเทศในระดับเดียวกับก่อนที่เกิดการแพร่ระบาด และทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกในการเดินทางเพื่อพักผ่อน ทำธุรกิจ และประกอบพิธีทางศาสนา” อาห์เหม็ด อัล-คาธีบ รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และประธานองค์การท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย กล่าว “การที่รัฐบาลตัดสินใจเช่นนี้จะช่วยสนับสนุนผู้คนกว่าหลายพันชีวิตที่ทำมาหากินกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมายังประเทศอันแสนอบอุ่นตามแบบฉบับของชาวซาอุดีอาระเบีย”

เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้ประกาศยกเลิกข้อกำหนดด้านการเดินทางทั้งหมดที่เคยบังคับใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าซาอุดีอาระเบียไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจแบบพีซีอาร์เพื่อเข้าประเทศอีกต่อไป ส่วนรายชื่อประเทศที่ไม่อนุญาตให้เข้าก็ยกเลิกแล้ว ข้อกำหนดในการกักตัวก็ยกเลิกด้วยเช่นกัน รวมถึงข้อกำหนดในการเว้นระยะทางสังคม โดยขอเพียงให้สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะภายในอาคารเท่านั้น

ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศแรก ๆ ที่สั่งปิดพรมแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่นั้น ทางการซาอุฯ ก็ได้บังคับใช้มาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในสถานที่สาธารณะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร อาคารของรัฐ และสำนักงาน

ซาอุดีอาระเบียได้เปิดประเทศให้ทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวได้เมื่อเดือนกันยายน 2562 แต่จากนั้นไม่ถึง 6 เดือนก็ต้องปิดเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ซาอุดีอาระเบียได้เปลี่ยนกลยุทธ์การท่องเที่ยวเพื่อให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเปิดจุดหมายปลายทาง 11 แห่ง และสร้างแพ็กเกจท่องเที่ยวกว่า 270 รายการ ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบียเติบโตถึงสองปีติดต่อกัน โดยไม่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดปรับตัวเพิ่มขึ้น

“ซาอุดีอาระเบียได้ผ่านพ้นการแพร่ระบาด โดยภาคการท่องเที่ยวและความบันเทิงเติบโตขึ้นอย่างมาก จากการที่มีอีเวนต์ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เช่นเดียวกับโอกาสในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทั้งยังมีบริษัทในประเทศที่ทุ่มเทให้กับการท่องเที่ยวมากขึ้น” รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว กล่าว “เราหวังที่จะให้การต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลกที่ต้องการสำรวจซาอุดีอาระเบียอย่างแท้จริง”

เกี่ยวกับองค์การท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย

องค์การท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย (Saudi Tourism Authority หรือ STA) เปิดตัวขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 โดยมีหน้าที่โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย และพัฒนาสิ่งที่สถานที่แห่งนั้นนำเสนอผ่านโปรแกรม แพ็กเกจ และการสนับสนุนทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทรัพย์สินและแหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นของประเทศ จัดการประชุมและมีส่วนร่วมในงานอีเวนต์ภาคอุตสาหกรรม และส่งเสริมแบรนด์ท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบียทั้งในและต่างประเทศ องค์การท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียมีสำนักงานตัวแทน 16 แห่งทั่วโลก โดยดูแล 38 ประเทศด้วยกัน

รูปภาพ – https://mma.prnewswire.com/media/1773973/Tourists_in_AlUla_Saudi_Arabia.jpg

ที่มา:  พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ