บางวันก็มีฟีลอยากเก็บกระเป๋าแล้วบินหนีชีวิต…แต่พอหันไปดูบัญชีธนาคารหรือวันลาพักร้อนที่เหลืออยู่แล้ว ก็ต้องพับความฝันไว้ก่อน แล้วนอนกลิ้งอยู่บ้านแทน
1. กินบรันช์แบบสาวปารีเซียงในวันขี้เกียจ
ใส่เสื้อลายขวาง สวมหมวกเบเรต์ ทาลิปสีแดง กินครัวซองต์ที่ส่งกลิ่นหอมเนยเย้ายวน (หรือขนมปังปิ้งทาเนยกับแยมก็ได้) เปิดเพลงแจ๊สคลอเบาๆ แล้วนั่งจิบกาแฟดำรสเข้มอย่างมีศิลปะ
มองออกไปนอกหน้าต่าง อาจจะเป็นวิวสวนหลังบ้าน หรือแค่ต้นไม้ริมถนนก็ได้ พร้อมถอนหายใจเบาๆ ให้ฟีล “ฉันอยู่ปารีส แต่โลกไม่เข้าใจฉันเลย” เพราะในห้วงความคิดของคุณนั้น มันคือถนนในย่าน Le Marais ที่เต็มไปด้วยร้านบูติคเก๋ๆ และผู้คนที่มีสไตล์ ไม่ใช่ถนนหน้าบ้านของคุณ
Fun Fact: จริงๆ แล้ว “บรันช์” (Brunch) ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส แต่เกิดที่อังกฤษในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 คำว่า “บรันช์” มาจากการรวมคำว่า “Breakfast” (อาหารเช้า) และ “Lunch” (อาหารกลางวัน) เข้าด้วยกัน
2. ซาฟารีแบบไม่ต้องเหงื่อแตก
แค่มีอินเทอร์เน็ตก็เหมือนยกแอฟริกามาไว้ตรงหน้า เพราะเว็บไซต์อย่าง Explore.org มีช่องถ่ายทอดสดจากเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าหลายแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาในแอฟริกา ที่คุณอาจจะได้เห็นฝูงยีราฟคอยาวเดินสง่างาม หรือบ่อน้ำที่ช้างตัวใหญ่ๆ พาลูกน้อยมากินน้ำคลายร้อน
บางวันโชคดี คุณอาจจะได้เห็นสิงโตเจ้าป่ากำลังนอนพักผ่อนใต้ร่มเงาต้นไม้ หรือฝูงม้าลายวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ราวกับกำลังดูสารคดีสัตว์โลกแบบเรียลไทม์ แถมยังสามารถซูมเข้าซูมออก เปลี่ยนมุมมองได้ตามใจชอบ ไม่ต้องกลัวโดนแมลงกัด หรือต้องทนกับอากาศร้อนอบอ้าว
Fun Fact: คำว่า”ซาฟารี” ในภาษาสวาฮิลี (ภาษาที่ใช้กันในแถบแอฟริกาตะวันออก) แปลว่า “การเดินทาง”
3. งีบสไตล์สเปน (เรียกให้เก๋ว่า “Siesta”)
ทานอาหารกลางวันแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อน จากนั้นก็เปิดเพลงฟลาเมงโก้จังหวะเร้าใจ แล้วลองขยับตัวเต้นวนๆ อยู่หน้ากระจกสัก 2-3 นาที ให้ร่างกายได้ปลดปล่อยพลังงาน พอรู้สึกเมื่อยล้า ก็ถึงเวลาทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มๆ หรือเตียงนอนแสนสบายด้วยท่วงท่าที่แสนจะละเมียดละไม ราวกับนักแสดงบัลเลต์ที่กำลังจบการแสดง ปล่อยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
การงีบ “Siesta” แบบนี้ไม่ได้แค่ช่วยให้ร่างกายสดชื่นขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความสำคัญของการพักผ่อนในชีวิตประจำวันของชาวสเปนอีกด้วย
Fun Fact: การงีบ “Siesta” มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในสมัยก่อน ผู้คนมักจะทำงานหนักในช่วงเช้าและบ่ายแก่ๆ ที่อากาศร้อนจัด จึงต้องพักผ่อนในช่วงกลางวันเพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในช่วงเย็น
4. มื้อเย็นชวนป่วนในอิตาลี
อยากสัมผัสบรรยากาศการทำอาหารอิตาเลียนไหม? ลองเข้าครัวทำพาสต้าเส้นสดๆ หรือพิซซ่าแป้งบางกรอบด้วยตัวเอง รับรองว่าคุณจะได้เจอกับความวุ่นวายแบบเรียลๆ ตั้งแต่การนวดแป้งที่อาจจะเหนียวติดมือ การต้มเส้นพาสต้าที่อาจจะลวกจนเละ หรือการอบพิซซ่าที่อาจจะไหม้เกรียมไปบ้าง แต่ความยุ่งเหยิงเหล่านี้แหละค่ะที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในครัวเล็กๆ ในเมืองเนเปิลส์จริงๆ
แต่ถ้าวันไหนขี้เกียจจนไม่อยากเข้าครัว ก็แค่สั่งพิซซ่าถาดโปรดมาทานที่บ้าน จุดเทียนหอมสักเล่ม เปิดเพลงอิตาเลียนคลอเบาๆ แล้วจินตนาการว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ ในกรุงโรม ก็ได้ฟีลเหมือนไปเที่ยวอิตาลีไม่แพ้กัน
Fun Fact: พิซซ่าแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาจากเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยพิซซ่าหน้าแรกๆ มักจะมีแค่ซอสมะเขือเทศ ชีส และใบโหระพา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “พิซซ่ามาร์การิต้า” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชินีมาร์การิต้าแห่งซาวอยที่เสด็จเยือน
5. ปิดท้ายด้วยนอนชมแสงเหนือแบบนอร์ดิกในผ้าห่ม
ก่อนนอน ลองเปลี่ยนบรรยากาศในห้องให้กลายเป็นค่ำคืนอันแสนมหัศจรรย์ใต้แสงเหนือ เปิดคลิปวิดีโอถ่ายทอดสดแสงออโรร่า (Aurora Borealis หรือ Northern Lights) จากประเทศไอซ์แลนด์หรือนอร์เวย์บน YouTube แล้วนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนุ่มๆ อุ่นๆ จิบโกโก้ร้อนๆ สักแก้ว เปิดเพลงคลอเบาๆ ให้เสียงดนตรีล่องลอยไปพร้อมกับภาพแสงเหนือที่กำลังเต้นระบำอยู่บนท้องฟ้า
จ้องมองแสงสีเขียว สีชมพู หรือสีม่วงที่พาดผ่านท้องฟ้าอย่างช้าๆ ปล่อยให้ความงามอันน่าทึ่งของธรรมชาติบำบัดจิตใจ ราวกับว่าคุณได้หลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์แห่งแถบนอร์ดิก ทั้งๆ ที่ตัวยังนอนสบายอยู่บนเตียงที่บ้าน
Fun Fact: แสงเหนือเกิดจากการชนกันระหว่างอนุภาคมีประจุจากดวงอาทิตย์ (Solar Wind) กับอนุภาคในชั้นบรรยากาศโลก เมื่ออนุภาคเหล่านี้ชนกัน จะปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงที่มีสีสันต่างๆ กันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซในชั้นบรรยากาศ เช่น ออกซิเจนจะให้แสงสีเขียวและสีแดง ส่วนไนโตรเจนจะให้แสงสีน้ำเงินและสีม่วง
ไม่ต้องรอวันหยุดยาว ไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบิน ก็มีทริปเล็กๆ ให้หัวใจได้เดินทาง เพราะโลกกว้างมากพอ…ให้เราเที่ยวผ่านจินตนาการแบบไม่มีวันหมด