เคยไหม? เวลาเงยหน้ามองฟ้าหลังฝนพรำ แล้วหัวใจก็พลันเบิกบานเมื่อเห็นพาดโค้งสีสันเจ็ดเฉดของสายรุ้ง ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็นเพียงชั่วครู่ชั่วคราว แต่ทรงพลังพอจะจุดประกายความหวังและรอยยิ้มให้กับผู้ที่ได้พบเห็น วันที่ 3 เมษายน ของทุกปี เป็น “วันตามหาสายรุ้งแห่งชาติ (National Find A Rainbow Day)”
ทำไมเราถึงหลงใหลในสายรุ้ง?
สำหรับหลายๆ คน สายรุ้งไม่ได้เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง การเริ่มต้นใหม่ และสิ่งดีๆ ที่กำลังจะมาถึง การได้เห็นสายรุ้งจึงเป็นเหมือนการได้รับกำลังใจ
ตามล่าหาสายรุ้ง
สำหรับนักเดินทางที่ใฝ่ฝันจะได้เห็นสายรุ้งอย่างใกล้ชิด มีบางสถานที่ในโลกที่ขึ้นชื่อว่ามีโอกาสพบเจอสายรุ้งได้บ่อยและสวยงามเป็นพิเศษ
- ฮาวาย, สหรัฐอเมริกา: ดินแดนแห่งหมู่เกาะสวรรค์แห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “รัฐแห่งสายรุ้ง” ด้วยสภาพอากาศที่มีฝนตกปรอยๆ สลับกับแสงแดดอยู่เสมอ ประกอบกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทำให้เกิดสายรุ้งขึ้นบ่อยครั้ง
- น้ำตกวิกตอเรีย, แซมเบีย/ซิมบับเว: ความยิ่งใหญ่ของผืนน้ำที่ตกลงมากระทบกับผืนดินเบื้องล่าง ก่อให้เกิดละอองน้ำจำนวนมหาศาล เมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ จะแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งที่สวยงามตระการตาได้แทบทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีแสงแดดจัด
- น้ำตกไนแองการา, สหรัฐอเมริกา/แคนาดา: อีกหนึ่งความอลังการของธรรมชาติที่สร้างสรรค์สายรุ้งได้อย่างน่าทึ่ง ละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายจากน้ำตกไนแองการา เมื่อมีแสงแดดส่องถึง ก็จะปรากฏเป็นสายรุ้งที่สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งจากจุดชมวิวต่างๆ รอบบริเวณ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ลองเงยหน้ามองฟ้าหลังฝนตกในครั้งต่อไป บางทีคุณอาจจะได้พบกับของขวัญอันแสนพิเศษจากธรรมชาติชิ้นนี้ก็เป็นได้ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้สัมผัสความงาม ความหวัง และความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน