- กระบวนการชำระเงินอัตโนมัติแบบไร้รอยต่อจะช่วยลดเวลาในการระมวลผลและขั้นตอนการทำงานด้วยมือของพนักงาน พร้อมทั้งมอบความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับแนวหน้าให้กับโรงแรมและตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์
โซลูชันการชำระเงินรูปแบบใหม่สำหรับธุรกิจ B2B ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยผู้นำด้านธุรกิจดิจิทัลและบริการไอทีระดับโลกอย่างมาสเตอร์การ์ด ร่วมด้วยเอ็นทีที ดาต้า (NTT DATA) บริษัทชั้นนำด้านโครงสร้างพื้นฐานและบริการไอทีและวันโฮเท็ล (OneHotel) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์การจัดการโรงแรม ในการปูทางสู่การประมวลผลการชำระเงินที่รวดเร็วและราบรื่นระหว่างตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์หรือเว็บจองโรงแรม (OTA) และโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งเดิมทีมักประสบปัญหาในด้านประสิทธิภาพและขั้นตอนการประมวลผลที่ใช้เวลานานและยุ่งยาก
ปัจจุบัน เมื่อมีการจองโรงแรมผ่านตัวแทน OTA การชำระเงินจะถูกส่งจากตัวแทน OTA ไปยังโรมแรมได้ผ่านการโอนเงินผ่านธนาคารหรือผ่านหมายเลขบัตรเสมือน (Virtual Card Number: VCN) ซึ่งเป็นหมายเลข 16 หลักที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมเฉพาะครั้งแทนการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนของผู้ถือบัตร อย่างไรก็ตาม การโอนเงินผ่านธนาคารมักใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างนาน และ การจ่ายผ่านระบบบัตรเสมือนนั้นต้องให้พนักงานโรงแรมดำเนินการชำระเงินด้วยตนเองทีละรายการเมื่อได้รับรายละเอียด
โซลูชันการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่มาสเตอร์การ์ดได้ริเริ่มพัฒนาร่วมกับ NTT DATA และ OneHotel นี้ จะเข้ามาช่วยให้กระบวนการชำระเงินสำหรับโรงแรมกลายเป็นรูปแบบแบบดิจิทัลและเรียบง่ายยิ่งขึ้น โดยระบบอัตโนมัติจะช่วยประมวลผลการชำระเงินผ่านบัตรเสมือนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการป้อนข้อมูลด้วยตนเองของพนักงานและช่วยให้การชำระเงินจาก OTA เป็นไปได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ยังรักษาระดับความปลอดภัยสูงจากการใช้ VCN ในการชำระเงิน และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในขั้นตอนการเรียกเก็บเงิน และเพิ่มการรองรับการชำระเงินจาก OTA ได้รวดเร็วขึ้น
โครงการนี้เป็นโครงการนำร่องร่วมกับธนาคารกสิกรไทย โดยเน้นไปที่โรงแรมที่มีอัตราการยอมรับการชำระเงินในรูปแบบของบัตรเสมือนที่ต่ำ โดยมีการคาดการณ์ว่าโรงแรมที่มียอดการจองโดยเฉลี่ย 500 รายการต่อสัปดาห์จะสามารถประหยัดเวลาทำงานได้ถึงสามเดือนต่อปีหากเปลี่ยนมาใช้โซลูชันการชำระเงินรูปแบบใหม่นี้ ซึ่งตอนนี้พร้อมเปิดให้บริการกับโรงแรมพันธมิตรของธนาคารกสิกรไทยแล้ว
นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโรงแรมขนาดกลางและเล็กในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันจำนวนมากกว่า 26,000 แห่ง อีกทั้งยังมีการรับการชำระเงินจาก OTA เป็นจำนวนกว่า 90% ของยอดยอดการจองที่พัก[1] เป็นที่สังเกตว่าผู้ประกอบการขนาดเล็กทำงานภายใต้งบประมาณและทีมงานที่จำกัดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ดังนั้นการประหยัดต้นทุนและเวลาที่เป็นไปได้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการรับยอดชำระเงินจาก OTA เพื่อทำการจอง
สุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าโซลูชันบัตรเสมือนของเอ็นทีที เดต้า สามารถช่วยปรับปรุงการดำเนินงานและกระแสเงินสดของลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีส่วนสนับสนุนอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยวผ่านความร่วมมือเชิงนวัตกรรมนี้”
กฤติพัฒน์ โสวนิตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OneHotel กล่าวว่า “ในภูมิทัศน์การเดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน นวัตกรรมถือเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและตอบสนองต่อความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักได้ โซลูชันบัตรเสมือนนี้จะช่วยลดขั้นตอนการดำเนินการด้วยมือ ทำให้พันธมิตรโรงแรมของเราสามารถมุ่งเน้นการจัดการไปยังการสร้างประสบการณ์ดีให้แก่แขกผู้เข้าพักได้ นวัตกรรมนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการชำระเงินแบบ B2B และทำให้ OneHotel เป็นผู้นำในการปรับตัวของอุตสาหกรรม”
บุญเติบ จีรภัทร์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า “ธนาคารกสิกรไทยมีความยินดีที่ได้ร่วมส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมด้วยบริการการชำระเงิน B2B ที่ล้ำหน้า โดยร่วมกับมาสเตอร์การ์ด, NTT DATA และโซลูชันบัตรเสมือนของ OneHotel โดยความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้กับเจ้าของโรงแรม”
การเปิดตัวโซลูชันนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่าการเดินทางขาเข้าของนักท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2567 จะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี พ.ศ. 2562 ก่อนเกิดโรคระบาด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนับเป็น 10% ของ GDP โดยรวมของประเทศ ดังนั้นข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศที่ตามมาจึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างหนักหน่วง
การเปิดตัวนี้มาถึงในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยคาดว่าการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวในปี 2024 จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับที่เห็นในปี 2019
วินนี่ วอง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “เนื่องด้วยความนิยมของแพลตฟอร์มการจองที่พักออนไลน์ในหมู่นักเดินทาง และความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย การมอบโซลูชันดิจิทัลที่เรียบง่ายและไร้รอยต่อในการชำระเงินสำหรับโรงแรมและแพลตฟอร์มอำนวยความสะดวกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่หลายภาคส่วนต่างพยายามฟื้นตัวจากความยากลำบากหลังการแพร่ระบาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มาสเตอร์การ์ดรู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ NTT DATA เพื่อนำเสนอกระบวนการชำระเงินแบบ B2B ที่เรียบง่ายและไร้รอยต่อ ซึ่งมีศักยภาพในการปลดล็อกประสิทธิภาพที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย และขณะเดียวกัน ก็ช่วยสร้างระบบนิเวศการชำระเงินที่เป็นไปในทิศทางเดียวมากขึ้นในอุตสาหกรรมของประเทศ”