ไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) เจ้าของและผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ประกาศตั้งเป้าเปิดโรงแรมใหม่กว่า 200 แห่งทั่วโลกภายในระยะเวลาสามปี โดยได้เผยรายละเอียดกลยุทธ์ธุรกิจแบบยืดหยุ่นสำหรับปี พ.ศ. 2567 และในอนาคต
เป้าหมายการเปิดให้บริการโรมแรมใหม่นี้จะทำให้จำนวนพอร์ตโฟลิโอของโรงแรมในเครือเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากจำนวนโรงแรมและรีสอร์ทในปัจจุบันซึ่งมีอยู่กว่า 540 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนห้องพักในเครือเพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ห้อง จากจำนวนห้องพักเกือบ 80,000 ห้องที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วของไมเนอร์ในระดับสากล เป็นผลมาจากผลประกอบการที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี พ.ศ. 2566 และยังจะถูกขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบหลากหลายแนวทาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการขยายแบรนด์ต่าง ๆ ในพอร์ตโฟลิโอขององค์กร และยกเครื่องกลยุทธ์ทางด้านดิจิทัล ควบคู่ไปกับการปรับสัดส่วนโมเดลธุรกิจในรูปแบบการบริหารและรูปแบบแฟรนไชส์ให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจแบบ “Asset Right” ทำให้ไมเนอร์ โฮเทลส์ เป็นเจ้าของหรือถือสิทธิ์สัญญาเช่าเกือบ 70% ของโรงแรม 540 แห่งทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 50% จากการปรับสมดุลของสัดส่วนรูปแบบธุรกิจแบบรับบริหารและแบบแฟรนไชส์ โดยไมเนอร์ตั้งเป้าที่จะรับบริหารโรงแรมมากกว่า 150 แห่งในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบผสมเติบโตจาก 19% ในปี พ.ศ. 2566 เป็น 38% ในปี พ.ศ. 2569 นอกจากนี้ ไมเนอร์ได้ตั้งเป้าการทำสัญญาแบบแฟรนไชส์ พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตด้านการลงทุนในพอร์ตโฟลิโอโรงแรมอย่างต่อเนื่อง
มร. ดิลิป ราชากาเรีย (Dillip Rajakarier) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “ปี 2566 ถือเป็นปีที่เราได้สร้างสถิติเป็นประวัติการณ์ โดยมีทั้งตัวเลขทางการเงินและการขยายธุรกิจเป็นข้อพิสูจน์ และเมื่อมองในอนาคต เรามุ่งมั่นที่จะเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งขยายแบรนด์ต่าง ๆ ของเราไปทั้งในพื้นที่ที่มีโรงแรมในเครือเปิดให้บริการอยู่แล้ว รวมถึงในภูมิภาคใหม่ ๆ ทั่วโลก อีกด้วย”
นอกจากนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามภูมิศาสตร์ ด้วยการกระจายโรงแรมและรีสอร์ทไปทั่วโลกให้ทั่วถึง โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของโรงแรมกว่า 200 แห่งที่ตั้งเป้าเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2569 จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่โรงแรมเปิดใหม่ในยุโรปและตะวันออกกลางจะมีจำนวนมากกว่า 50 แห่งในแต่ละภูมิภาค และยังจะเปิดโรงแรมใหม่ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของเครือในภูมิภาคอื่น ๆ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ทวีปอเมริกา และทวีปแอฟริกา ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้การกระจายสัดส่วนโรงแรมทั่วโลกสมดุลยิ่งขึ้น โดยคาดว่าสัดส่วนห้องพักในเอเชียต่อสัดส่วนห้องพักทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 23% และจาก 9% เป็น 16% สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาภายในปี พ.ศ. 2569 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในภูมิภาคอื่นคาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนห้องพักในยุโรปลดลงเหลือ 45% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 60%
อนันตรา (Anantara) อวานี (Avani) โอ๊คส์ (Oaks) ทิโวลี (Tivoli) และเอ็นเอช โฮเทลส์ (NH Hotels) จะเป็นแบรนด์หลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของพอร์ตโฟลิโอในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าอวานีเพียงแบรนด์เดียวจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการเติบโตได้มากกว่าสองเท่า ซึ่งจะคิดเป็นจำนวนโรงแรมและรีสอร์ทเกือบ 100 แห่ง ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังคาดว่าจะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ๆ ในปี พ.ศ. 2567 และ พ.ศ. 2568 เพื่อเติมเต็มความต้องการของนักเดินทาง รวมทั้งให้ทางเลือกที่ตอบโจทย์เจ้าของโรงแรมและเสริมสร้างตำแหน่งทางการแข่งขันให้กับบริษัทในขณะเดียวกัน
ม.ร. เอียน ดิ ทูลลิโอ (Ian Di Tullio) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์ต่าง ๆ ของเราให้เติบโต เพื่อให้มีส่วนผสมที่ลงตัวของแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายและแบรนด์ที่มีความหรูหราในที่ตั้งอันหลากหลาย นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าในการปรับลดกลยุทธ์ ‘Asset Right’ โดยในขณะที่เราจะยังคงรักษาสิทธิ์การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่เป็นเรือธงเอาไว้ เราจะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นการเพิ่มสัญญารับจ้างบริหารและสัญญาแฟรนไชส์ ซึ่งการเดินหน้าทางกลยุทธ์ในครั้งนี้จะเป็นการขยายธุรกิจของเราให้เติบโตไปทั่วโลกอย่างเป็นธรรมชาติ โดยยังคงรักษาแนวคิดในการขับเคลื่อนธุรกิจบริหารทุกรูปแบบด้วยจิตสำนึกความเป็นเจ้าของ”
หลังเปิดให้บริการ อนันตรา มินา อัล อาหรับ ราส อัล ไคมาห์ รีสอร์ท (Anantara Mina Al Arab Ras Al Khaimah Resort) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แบรนด์โรงแรมหรู อนันตรา โฮเทลส์ รีสอร์ท แอนด์ สปา (Anantara Hotels, Resorts & Spas) ยังเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2567 โดยจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ในยุโรปด้วย โรงแรมอนันตรา พาเลส์ ฮันเซิน เวียนนา (Anantara Palais Hansen Vienna Hotel) ตามด้วยการเปิด อนันตรา ซานโตรินี อาบู ดาบี รีทรีท (Anantara Santorini Abu Dhabi Retreat) ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อนันตรา อูบุด บาหลี รีสอร์ท (Anantara Ubud Bali Resort) อินโดนีเซีย และอนันตรา ชัยปุระ รีสอร์ท (Anantara Jaipur Resort) ซึ่งจะเป็นรีสอร์ทภายใต้แบรนด์อนันตราแห่งแรกในประเทศอินเดีย
ในปีพ.ศ. 2567 นี้ ยังจะมีการเปิดโรงแรมภายใต้แบรนด์ อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (Avani Hotels & Resorts) ที่แฟรงก์เฟิร์ต อัมสเตอร์ดัม และเซเชลส์ รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์โรงแรมอวานีเป็นครั้งแรกในประเทศจีน
ในส่วนของ เอ็นเอช คอลเลคชั่น โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (NH Collection Hotels & Resorts) ซึ่งจะมีอายุครบรอบ 10 ปีในปี พ.ศ. 2567 นี้ จะยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปทั่วโลก ทั้งในประเทศไทย กาตาร์ ฟินแลนด์ และโปรตุเกส โดยล่าสุดได้ประกาศเตรียมเปิดโรงแรมเอ็นเอช คอลเลคชั่น แห่งแรกในกรุงปารีสในปีนี้ ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ยังนับเป็นโรงแรมในปารีสแห่งแรกของเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ รวมถึงมีแผนเปิดตัวโรงแรมอีกมากมายในเม็กซิโกและจีน สำหรับ ทิโวลี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (Tivoli Hotels & Resorts) เตรียมขยายการให้บริการในยุโรปและตะวันออกกลาง ในขณะที่ นาว โฮเทลส์ (nhow Hotels) จะเปิดตัว นาว ลิมา (nhow Lima) เป็นครั้งแรกในเปรู ในปี พ.ศ. 2567 ตามด้วย นาว โรม (nhow Rome) ในอิตาลี
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอเลวาน่า คอลเลคชั่น (Elewana Collection) แบรนด์ลอดจ์ แคมป์ และโรงแรมสไตล์บูติก ซึ่งกระจายอยู่ ณ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศเคนยาและแทนซาเนีย ได้ประกาศเปิดตัวแบรนด์บ้านพักสไตล์ซาฟารีลอดจ์แบบอัพสเกล เอ็กซ์พลอเรอร์ บาย เอเลวาน่า (Explorer by Elewana) โดยจะเปิดให้บริการ เซเรนเกตี เอ็กซ์พลอเรอร์ (Serengeti Explorer) ซาฟารีลอดจ์แห่งแรกภายใต้แบรนด์ใหม่ ในเดือนมีนาคมนี้
ท่ามกลางการเติบโตอันรวดเร็ว ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจที่มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงห้องอาหาร และธุรกิจอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากโรงแรม อาทิ โครงการ อนันตรา คาฟิว ริเวอร์ เต็นท์ แคมป์ (Anantara Kafue River Tented Camp) ที่จะนำเสนอประสบการณ์สุดหรูใหม่ ๆ ด้วยที่พักแบบแคมป์ 12 หลัง และ เดอะ เวียทาจ บาย อนันตรา (The Vietage by Anantara) ซึ่งให้บริการตู้โดยสารรถไฟระดับหรูในเวียดนามก็จะเพิ่มเส้นทางใหม่ระหว่างเมือง กวีเญิน-ญาจาง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้อีกด้วย